11 ตัวผู้เล่นที่ติดทีมยอดเยี่ยมประจำทัวร์นาเมนท์ ฟุตบอลยูโร 2020

สหพันธ์ฟุตบอลยุโรป หรือ ยูฟ่า ได้คัดเลือกนักเตะที่ทำผลงานในตำแหน่งของตัวเองได้ดีที่สุด เข้าไปติดทีมยอดเยี่ยมประจำทัวร์นาเมนท์ “ฟุตบอลยูโร 2020” อย่างเป็นทางการ ต้องขอชื่นชมนักเตะทุกคนที่ทุ่มเททำเพื่อทีมชาติบ้านเกิดของตัวเอง และแฟนบอลทุกคน ส่วนคนที่ไม่ติดโผลในทีมยอดเยี่ยม ก็ถือว่าทำได้ดีทุกคนแล้ว ไม่มีใครเก่งไปกว่าใคร มาดูกันว่าจะมีใครกันบ้างที่ฟอร์มดีจนเข้ามาอยู่ทีมยอดเยี่ยม

รายชื่อ 11 นักเตะที่ได้รับคัดเลือกให้เข้ามาอยู่ Team Of The Tournament ฟุตบอลยูโร 2020

1.ผู้รักษาประตู : จานลุยจิ ดอนนารุมม่า (ทีมชาติอิตาลี)

เป็นการแจ้งเกิดอย่างเต็มตัวสำหรับเจ้าหนูมือกาววัย 22 ปี ของสโมสรปารีส แซงต์ แชร์กแมง เกมในนัดชิงถ้าไม่มีเขา มีหวังแชมป์อาจจะตกเป็นของอังกฤษก็เป็นได้ หลังเจ้าตัวโชวเซฟได้ถึง 2 ลูกสุดท้ายติดต่อกัน พาอิตาลีเถลิงแชมป์ฟุตบอลยูโร 2020 สมัยที่สองได้อย่างสวยงาม

2.กองหลังเซ็นเตอร์ : เลโอนาร์โด โบนุชชี่ (ทีมชาติอิตาลี)

ด้วยประสบการณ์ค้าแข้งฟุตบอลของปราการหลังวัย 34 ปี สามารถใช้ความเก๋าของตัวเองปราบเกมรุกของทีมผู้เล่นฝั่งตรงข้ามได้อยู่หมัด เป็นกำลังหลักสำคัญที่ทำให้ทัพอัซซูรี่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก แถมเจ้าตัวยังเป็นผู้ทำประตูชัยตีเสมอทีมชาติอังกฤษในนัดชิงชนะเลิศอีกด้วย

3.กองหลังเซ็นเตอร์ : แฮร์รี่ แม็คไกวร์ (ทีมชาติอังกฤษ)

เซ็นเตอร์แบ็คร่างยักษ์ที่สร้างกำแพงด่านหลังได้อย่างแข็งแกร่ง จะเห็นได้ว่าตั้งแต่เจ้าตัวหายจากอาการบาดเจ็บกลับมาช่วยทีมในเกมที่สองรอบคัดเลือกแบ่งกลุ่ม ทัพสิงโตคำรามไม่เสียประตูจนมาถึงรอบรองชนะเลิศ และถูกคู่แข่งยิงประตูไปเพียงแค่ 2 ลูกเท่านั้น

4.กองหลังแบ็คขวา : ไคล์ วอล์คเกอร์ (ทีมชาติอังกฤษ)

เป็นอีกหนึ่งคนที่โดดเด่นในรายการฟุตบอลยูโร 2020 เป็นอย่างมาก จะเห็นได้ว่าอังกฤษเกือบจากถูกเกมรุกของทีมคู่แข่งทำประตูได้ แต่เจ้าตัวใช้ความเร็วสปีดตัดบอลได้อยู่เป็นประจำ เรียกได้ว่าเกมรับดีมาก ส่วนเกมรุกก็ดีไม่แพ้กันสามารถเตืมเกมขึ้นไปช่วยเพื่อนได้ตลอดเวลา

5.กองหลังแบ็คซ้าย : เลโอนาร์โด้ สปินัซโซล่า (ทีมชาติอิตาลี)

ในความโชคร้ายของแข้งซ้ายวัย..ปี ที่ได้รับอาการบาดเจ็บอย่างรุนแรงส่งผลให้เขาต้องพักไปอีกนาน แต่ด้วยฟอร์มการเล่นที่โดดเด่นของเขาในช่วงที่ยังไม่เจ็บ สามารถสร้างสรรค์เกมในทางริมเส้นฝั่งซ้ายได้อย่างทะลุทะลวง และยังเคยได้แมนออฟเดอะแมตซ์ในเกมที่ถล่มตุรกี 3-0 โดยเขาสามารถแอสซิสต์ได้ 1 ลูก

6.กองกลาง : จอร์จินโญ่ (ทีมชาติอิตาลี)

สุดยอดกองกลางจอมทักษะแห่งยุคต้องยกให้แข้งอัซซูรี่รายนี้ เรียกได้ว่าเก่งทั้งสโมสรและทีมชาติ โดยก่อนหน้านี้คว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก และยังมาคว้าแชมป์ฟุตบอลยูโร 2020 ได้อีก เป็นจอมทัพในแดนกลางที่เก่งกาจความสามารถสูงจ่ายบอลให้เพื่อนเล่นง่าย

7.กองกลาง : เปดรี (ทีมชาติสเปน)

นอกจากจะติดในทีมยอดเยี่ยมแล้ว ยังได้รางวัลนักเตะดาวรุ่งยอดเยี่ยมประจำทัวร์นาเมนท์นี้ไปครอง ถึงแม้ว่าจะจบได้แค่รอบรองชนะเลิศ แต่ผลงานส่วนตัวของเด็กอายุเพียง 18 ปี ตอนนี้กลายเป็นแข้งคนสำคัญของทัพกระทิงดุไปแล้ว

8.กองกลาง : ปิแอร์ เอมิล ฮอยจ์เบิร์ก (ทีมชาติเดนมาร์ก)

หลายคนคงคิดว่า “ทัพโคนม” เดนมาร์ก คงจะไปได้ไม่ไกลมากนัก เพราะต้องเสียมิดฟิลด์คนสำคัญอย่าง คริสเตียน อีริคเซ่น ไปตั้งแต่เกมแรก แต่ด้วยความที่ ฮอยจ์เบิร์ก เป็นนักเตะประเภทที่ไม่ยอมแพ้กัดไม่ปล่อย เล่นเกมรับได้อย่างยอดเยี่ยม จนพาเดนมาร์เข้ามาถึงรอบรองชนะเลิศได้อย่างน่าเหลือเชื่อ

9.กองหน้า : โรเมลู ลูกากู (ทีมชาติเบลเยียม)

ลูกากูพาเบเยียมมาได้แค่รอบ 8 ทีมสุดท้าย แต่ว่าเขาเป็นคนที่เล่นได้อย่างโดดเด่นในตำแหน่งกองหน้า พยายามคอยล้วงลงมาเอาบอลเพื่อให้เพื่อนเติมเกมได้บ่อยๆ และก็เจ้าตัวก็ไม่ได้ลืมหน้าที่ของตัวเองด้วยการผลิตสกอร์ได้ 4 ประตูในฟุตบอลยูโร 2020

10.กองหน้า : เฟเดริโก เคียซ่า (ทีมชาติอิตาลี)

ปีกจรวดทางเรียบของอิตาลี โชว์ฟอร์มการเล่นได้อย่างดุดัน เป็นนักเตะที่มีความเร็วและการบุกเติมเกมที่น่ากลัวคนหนึ่ง สามารถเปลี่ยนสไตล์บอลเกมรุกที่จืดชืดของอิตาลียุคเก่า กลายเป็นเกมรุกที่สนุกตื่นเต้นอยู่ตลอดเวลา

11.กองหน้า : ราฮีม สเตอร์ลิ่ง (ทีมชาติอังกฤษ)

สเตอร์ลิ่ง ใช้ความดูถูกเหยียดหยามของแฟนบอล เปลี่ยนเป็นการทำงานให้หนักขึ้นจนเจ้าตัวสามารถช่วยอังกฤษเอาชนะได้หลายเกม ด้วยผลงานทำประตูไป 3 ลูก และเป็นคนสำคัญที่พาอังกฤษผ่านเข้าไปสู่รอบชิงชนะเลิศได้สำเร็จ