สไตล์ที่แตกต่าง อังกฤษ vs อิตาลี ในนัดชิงชนะเลิศฟุตบอลยูโร 2020
และแล้วก็ถึงวันที่เรารอคอยสำหรับคู่ชิงชนะเลิศฟุตบอลยูโร 2020 ในปีนี้ระหว่างทีมชาติอังกฤษ เจ้าของฉายา “สิงโตคำราม” พบกับ ทีมชาติอิตาลี “กองทัพอัซซูรี่” โดยจะเตะกันที่สนามเวมบลี่ย์ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เวลา 02.00 น. (ตามเวลาประเทศไทย) ซึ่งความได้เปรียบจะตกอยู่ที่ทีมชาติอังกฤษอย่างแน่นอน ด้วยความได้เปรียบการเป็นเจ้าบ้านและกองเชียร์ที่ฮึกเหิม แต่ทั้งนี้ทีมชาติอิตาลีก็มาด้วยสไตล์การเล่นที่แตกต่างจากยุคเดิม เกมรับที่ขึ้นชื่อของความแข็งแกร่งที่สุดในโลกอยู่แล้ว เกมรุกก็สุดยอดไม่แพ้เช่นกัน มาดูกันว่าวันนี้แผนการเล่นที่ทั้งสองฝั่งจะเอามางัดกันจะเป็นในรูปแบบไหน
ระบบทีมและสไตล์การเล่นของอังกฤษกับอิตาลีมีความแตกต่างกันอย่างไรในศึกฟุตบอลยูโร 2020
อังกฤษในยุคของการคุมทีม แกเร็ธ เซาธ์เกต อาจจะเดาใจยากในเรื่องแท็คติคการวางตัวผู้เล่นอยู่พอสมควร เพราะแต่ละเกมที่เจ้าตัวส่งตัวผู้เล่นลงไป มักจะมีคำถามจากแฟนบอลหรือกูรูนักวิเคราะห์บอลอยู่เป็นประจำ แต่สุดท้ายแล้วก็สามารถพาทีมผ่านเข้ามาสู่รอบไฟนอลฟุตบอลยูโร 2020 มาได้สำเร็จ
เกมรับของเซาธ์เกต ถือว่าพัฒนาขึ้นไปเรื่อยๆ และมีความเหนียวแน่นอยู่พอสมควร เพราะนับตั้งแต่เกมแรกในรอบคัดเบลือกแบ่งกลุ่มเพิ่งจะเสียไปแค่ประตูเดียว ในเกมที่พบกับทีมชาติเดนมาร์ก 2-1 ถือว่าเป็นการเก็บคลีนชีทได้อย่างยอดเยี่ยมถึง 5 เกมติดต่อกัน ยิ่งไปกว่านั้นผู้รักษาประตูอย่าง จอร์แดน พิฟอร์ด ยังได้รับผลพลอยได้ไปด้วยและรับรางวัล “Golden Glove” ผู้รักษาประตูยอดเยี่ยมไปครองเรียบร้อยแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้นเกมรุกมีให้เลือกใช้ครบมือเป็นอย่างมาก จนบางคนถึงกับแซวว่าถ้าเอาตัวสำรองของอังกฤษมาจัดอีกทีมก็ยังสามารถเข้ามาชิงได้แน่ๆ แต่ก็ต้องยอมรับว่าเซาธ์เกตมีความเด็ดขาดในการวางเกมรุกเอามากๆ เพราะเขาเลือกด้วยความเชื่อมั่นในศักยภาพของนักเตะ ถึงแม้ว่าจะโดนวิพากย์วิจารณ์อย่างหนักก็ตามแต่
มาพูดถึงทางฝั่งอิตาลีกันบ้าง ด้วยการจัดการระบบของทีมในยุค โรแบร์โต้ มันชินนี่ ถือว่าโหดสุดๆ นับตั้งแต่ปี 2018 จนถึงปัจจุบัน “กองทัพอัซซูรี่” ยังไม่เคยแพ้ทีมไหนมาแม้แต่เกมเดียว แถมยังสร้างสถิติให้กับวงการฟุตบอลอิตาลีด้วยการเอาชนะติดต่อกันถึง 33 เกม
นักเตะอิตาลีชุดนี้มาความครบเรื่องและสมดุลกว่าชุดก่อนๆ แบบเห็นได้ชัดเจน ทุกตำแหน่งมีความแข็งแกร่งในหน้าที่ของตัวเอง โดยเฉพาะเกมรับมีนักเตะมากประสบการณ์ยืนเป็นกำลังหลักไว้ให้เด็กๆ เกมรุกหน้าใหม่ที่ยังมีความสดและความกระหายใช้ความสามารถพิเศษเฉพาะตัวทะลุทะลวงแนวรับฝ่ายตรงข้ามได้อย่างดุดัน
โดยรวมแล้วถ้าพูดถึงความเป็นทีมเวิร์คกว่านั้นต้องยกให้อิตาลี เพราะพวกเขาลงเล่นในทัวร์นาเมนท์ฟุตบอลยูโร 2020 ได้อย่างเข้าใจกันเป็นอย่างดีและทำตามคำมอบหมายที่โค้ชสั่งได้อย่างมีความเป็นมืออาชีพ ทำให้รูปเกมและระบบการเล่นของอิตาลีเป็นไปอย่างสมบูรณ์แบบ
สุดท้ายนี้ต้องบอกว่าทั้งสองทีมมีจุดเด่นที่ไม่เหมือนกัน เชื่อว่ากุนซือทั้งสองคนจะต้องมีทีเด็ดแท็คติคต่างๆ ให้เห็นในเกมสำคัญเช่นนี้ได้แบบสนุกสุดมันส์ จนกลายเป็นเกมที่พูดถึงไปอีกยาวนานในโลกฟุตบอล